ตั้งแต่ปี 2558 กรมสรรพากรได้ออกกฎหมายใหม่ ประกาศกรมสรรพากร ฉบับที่ 258 และ 259 ได้แก้ไขข้อความเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จากคำว่า “เงินได้” เป็นคำว่า “เงินได้พึงประเมินที่ได้รับซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้”
หลังจากออกกฎหมายใหม่มาแล้ว ในวันที่ 11 มกราคม 2558 ทางกรมสรรพากรได้ออกคำชี้แจงเรื่อง “การซื้อหน่วยลงทุน LTF และ RMF” เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับฐานในการคำนวณค่าซื้อหน่วยลงทุน LTF และ RMF คือ เงินได้พึงประเมินที่ได้รับที่ต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น ที่นำมาเป็นฐานในการคำนวณซื้อหน่วยลงทุน LTF และ RMF ได้แก่ “เงินได้พึงประเมินซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ไม่ว่าเงินได้นั้นจะมีสิทธิเลือกเสียภาษีโดยไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่นหรือไม่ก็ตาม”
ซึ่งคำชี้แจงของกรมสรรพากรฉบับนี้ ทำให้ผู้เสียภาษีจะได้ประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม เพราะเงินได้ที่สามารถใช้สิทธิเลือกเสียภาษีโดยวิธีการหัก ณ ที่จ่าย โดยไม่ต้องนำมาคำนวณรวมกับเงินได้อื่นในการยื่นภาษีเงินได้ประจำปี เช่น ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร พันธบัตร หุ้นกู้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว เงินปันผลจากหุ้น หรือเงินปันผลจากกองทุนรวม สามารถนำมาใช้เป็นฐานในการคำนวณเพื่อซื้อ LTF และ RMF ได้ด้วย
ตัวอย่างเช่น มีรายได้จากเงินเดือนในปี 2559 ทั้งสิ้น 900,000 บาท มีเงินปันผลจากกองทุนรวม 100,000 บาท (เลือกถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ร้อยละ 10 โดยไม่นำเงินปันผลไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่น) และมีดอกเบี้ยจากเงินฝากธนาคาร 50,000 บาท
ดังนั้น สามารถนำเงินได้ที่ได้รับดังกล่าวทั้งหมดรวมจำนวนทั้งสิ้น 1,050,000 บาท (900,000 + 100,000 + 50,000) มาใช้เป็นฐานในการคำนวณซื้อหน่วยลงทุน LTF และ RMF เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ ดังนี้
ซื้อหน่วยลงทุน LTF ได้จำนวน 157,500 บาท
(1,050,000 x 15% = 157,500)
ซื้อหน่วยลงทุน RMF ได้จำนวน 157,500 บาท
(1,050,000 x 15% = 157,500)
สำหรับเงินได้ที่กฎหมายกำหนดให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ไม่มีสิทธินำมารวมคำนวณเป็นฐานภาษีในการซื้อหน่วยลงทุน LTF และ RMF
อ่านรายละเอียดคำชี้แจงของกรมสรรพากรเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
https://goo.gl/HgESzL
by Bird Teerapat - Wealth Strategist (WCI)