17 มุมมองความคิดที่แตกต่างของชีวิตที่ประสบความสำเร็จ

1. เราคือคนที่กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง

ไม่เคยรอให้โชคเข้าข้างและใช้วิธีลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ เรียนรู้ผิดถูกต่อเนื่อง ไม่หวังรวยทางลัด และไม่คิดโทษบุคคลรอบข้างว่าเป็นต้นเหตุแห่งความขาดแคลน 



2. กำหนดเป้าหมายชัดเจน

มองการณ์ไกล มีความฝันและกล้าจินตนาการ ตัดสินใจเลือกที่จะลงมือกระทำเพราะเชื่อมั่นในในความหวังหรือความเป็นไปได้ตรงนั้น และพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธือย่างที่กำหนดไว้

 

3. ต้องประสบความสำเร็จ

ไม่ว่าจะต้องลงทุนลงแรงขนาดไหนก็ต้องทำให้ได้อย่างที่คิดที่พูด ไม่สนใจต้นทุนชีวิต เลือกเดินเรือออกกำหนดเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง พร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคทุกรูปแบบเพื่อให้ได้เพียงผลลัพธ์ที่มั่นหมายไว้

 

4. คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก

ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ทั้งนั้นขอแค่เราเห็นโอกาสและได้ลองลงมือทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นยากเพียงใดก็ตามแต่ก็ยังคงคิดหาวิธีพัฒนาความสามารถในการช่วยเหลือคนอื่นผ่านสินค้าและบริการ

 

5. มองหาโอกาสต่างๆ และไม่เสียเวลาไปกับปัญหาที่แก้ไขไม่ได้

ในทุกวิกฤติมีโอกาส หากเราไม่ใช่เวลาไปกับการตีโพยตีพายหรือหมดหวังให้กับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เราต้องนิ่งสงบ เผชิญหน้ากับปัญหาอย่างมีสติ คิดพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วลงมือกระทำ และไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเวลาไม่สามารถหาซื้อใหม่ได้


6. ชื่นชมคนที่ประสบความสำเร็จเพื่อนำแนวความคิดมาปรับใช้ในชีวิตของตนเอง

สนใจและชอบที่จะศึกษาว่า คนที่เขาประสบความสำเร็จนั้นมีแนวคิดอย่างไรและทำอย่างไรถึงได้ร่ำรวยขนาดนั้นและนำมาเป็นไอดอลหรือเป็นแนวคิดในแก่ตัวเอง มากกว่าการรู้สึกคิดอิจฉาริษยาในความสำเร็จของผู้อื่น

 

7. คบคนที่มองโลกในแง่ดี

ชอบที่จะคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดี เพราะเขาเหล่านั้นจะมีแนวความคิด คำพูด และการกระทำที่เต็มไปด้วยความหวัง คนที่มองโลกในแง่ดีจะมองสามารถเห็นโอกาสในวิกฤตเสมอ และมักจะมองปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนคนที่มองโลกในแง่ร้ายจะชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และมองปัญหาว่า เป็นสิ่งที่จะนำมาซึ่งความหายนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด เกิดเป็นความท้อถอย ความอึดอัด จนต้องระบายความรู้สึกดังกล่าวออกมาในรูปของการกระทำต่างๆ เช่น ความก้าวร้าว คำบ่น คำด่า คำนินทาอิจฉาริษยา หรือคอยจับผิดผู้อื่น เป็นต้น การมองโลกในแง่ร้ายมากเท่าไร ยิ่งทำให้คิดอะไรไม่ออก ชีวิตก็ย่อมจะตกอยู่ในวังวนของความยากจนข้นแค้นมากขึ้นเรื่อยๆ ควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เป็นการเพาะเชื้อแห่งการมองโลกในแง่ร้ายเข้าไปในจิตใจของเรา

 

8. พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าและบริการของตัวเอง

พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าของตนเองให้ผู้อื่นได้รับรู้ หรือยินดีที่จะขายนั่นแหละครับ เพราะพวกเขาสินค้าหรือบริการที่ดีก็ควรจะบอกต่อ แนะนำให้คนอื่นได้รู้ เป็นการช่วยเหลือคนอื่นอย่างที่เรามุ่งหวัง ไม่มีความจำเป็นต้องอาย หากเรารู้สึกอึดอัดหรืออายการขาย นั่นแปลว่าตัวเราเองก็ยังไม่ได้ชอบหรือมองเห็นคุณค่าของสินค้าหรือบริการนั้นๆ และทั้งนี้การขายยังเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไปได้ด้วย 

 

9. มองปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา

ปัญหาก็เปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างสติปัญญาให้เฉียบคม ช่วยเพิ่มพูนความรู้ความสามารถให้เป็นประสบการณ์เพื่อเป็นกำลังใจให้เรากล้าที่จะทำในสิ่งใหม่และท้าทายมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามทุกๆ ปัญหาที่ต้องเผชิญนั้น เราก็จำเป็นที่จะต้องคิดมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำด้วยครับ


10. เชื่อมั่นในตัวเอง

เราทุกคนควรจะเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองและควรจะรู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรบ้าง สามารถทำได้แต่ไหน และทุกครั้งก็จต้องลงมือทำอย่างสุดความเชื่อมั่นที่มีด้วย


11. ประเมินผลสำเร็จจากผลงานเป็นหลัก

อย่ามองแค่ชั่วโมงการทำงาน เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือผลงาน ก่อนจะเลือกงานที่มั่นคง ให้ดูก่อนว่ามีลู่ทางให้เราได้เติบโตด้วยการแสดงฝีมือจากผลงานในสถานที่นั้นๆ ได้หรือเปล่า


12. หวังผลมากกว่าสองทาง

"จะประสบความสำเร็จและมีความสุข พร้อมมีเวลาให้กับครอบครัว" เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้จริงหากคุณเลือกมัน แต่คนทั่วไปกลับคิดว่า การที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องส่วนตัวเก็บไว้ทีหลัง การทำงานต้องเคร่งเครียด เอาจริงเอาจัง จนทำให้ละเลยคนที่รอบข้างไปหมด ละเลยสุขภาพของตัวเอง นอกจากนั้นการมีเงินทองมากขึ้น ยิ่งช่วยเปิดโอกาสให้ได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมได้มากยิ่งขึ้น แต่คนทั่วไปกลับคิดว่า การจะร่ำรวยได้จะต้องเกิดจากการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเสียเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาจึงมองว่าคนรวยคือคนที่ไม่ดี

 

13. คิดว่าตนเองมีราคาเท่าไร

ให้ประเมินมูลค่าของตนเองจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมด หักลบกับหนี้สินทั้งหลาย ฉะนั้นแล้วคว่ทคิดที่จะนำเงินไปลงทุนมากกว่านำไปใช้จ่ายจนหมดจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะการลงทุนถือว่าเป็นการเพิ่มพูนรายได้โดยที่มูลค่าเดิมก็ยังคงอยู่ ในทางกลับกัน เมื่อมีเงินทองคนทั่วไปมักคิดที่จะจับจ่ายใช้สอยหรือไปท่องเที่ยวมากกกว่าการเก็บออมหรือนำไปลงทุน


14. รู้จักวางแผนการใช้จ่าย

ควรวางแผนเก็บออมเงินในระยะยาวมากกว่าการนำเงินไปใช้ ต้องคิดตลอดเวลาก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหรือเปลี่ยนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  นอกจากนี้ก็ควรจะมีการจดบันทึกค่าใช้จ่ายไว้ เพราะจะทำให้เรารู้ว่า เราใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง แล้วสิ่งนั้นจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะช่วยให้อนาคตเราจะไม่ขัดสนและลำบาก

 

15. รู้จักใช้เงินอย่างฉลาด

ต้องรู้จักบริหารเงินให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ไม่ใช่ว่าหาเงินมาได้มากเท่าไหร่ ก็ใช้ไปเท่านั้น หรือมี 100 บาทแต่ใช้ 500 บาทแบบนี้เป็นต้น พวกเขาจะรู้จักหาวิธีที่สามารถช่วยทำให้เงินงอกเงย และช่วยเพิ่มพูนทรัพย์ให้พวกอย่างต่อเนื่อง รู้จักลงทุนโดยใช้ความคิดมากกว่าการใช้แรง


16. ไม่กลัวความล้มเหลว

เมื่อเจอกับความล้มเหลวจะไม่ย่อท้อหรือหมดหวัง แต่จะตั้งสติ อดทน และพยายามหาหนทางแก้ไขและมองความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเหล่านี้นี่แหละ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เกิดแรงกระตุ้น หรือเป็นตัวพัฒนาความรู้ ความสามารถของตัวเองมากกว่า แต่คนทั่วไปเมื่อเจอความผิดพลาด อุปสรรค ปัญหา หรือความล้มเหลวจะยอมแพ้ รู้สึกท้อ ผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่าตนเองหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วในชีวิต และจะหยุดการพัฒนาตัวเองโดยจมอยู่แต่กับความล้มเหลว



17. เรียนรู้ตลอดเวลา

เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาและไม่เคยคิดว่าตนเองเก่งแล้ว แต่คนทั่วไปจะคิดว่า ประสบการณ์จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถจึงทำให้หลงคิดว่าตนเองเก่งแล้ว เพราะผ่านประสบการณ์การทำงานมาหลายปี ฉะนั้น จึงมักไม่ยอมรับการสั่งสอนหรือคำแนะนำจากคนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่มีประสบการณ์น้อยกว่า เพราะถือว่าเป็นการเสียหน้าเป็นอย่างมาก ฉะนั้นอย่าลืมการเรียนรู้ตลอดเวลา ทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วเข้าไว้ เพื่อจะได้เรียนรู้ พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

---------------------------
แบ่งปันความมั่งคั่งอย่างมั่นคงโดย
Wealth Creation
www.wci.co.th/blog
www.facebook.com/wealthcreationpage

Pitiphong Roongruengvuthikul
Admin
By