Warning: file_get_contents(http://graph.facebook.com/?id=http://wci.co.th/article/All/336/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-LTF-RMF): failed to open stream: HTTP request failed! HTTP/1.1 400 Bad Request in /home/wci/domains/wci.co.th/public_html/blog-detail.php on line 78
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา(26/11/59)ได้มีโอกาสเข้าฟัง FINNOMENA RMF LTF SHOWCASE จัดขึ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นงานที่นำผู้จัดการกองทุนของสุดยอดกองทุน LTF RMF มาขึ้นเวทีเล่ากลยุทธ์การลงทุนกองทุนที่ตัวเองบริหาร และนี่คือ ข้อมูลภาพกว้างของ 4 กองทุน LTF ที่คุณน่าจะอยากรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการลงทุน
เริ่มจากกองทุน LTF กันก่อน โดยเรียงตามลำดับการขึ้นเวทีครับ
• กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว (MS-CORE LTF) ของ บลจ.แมนูไลฟ์ เป็นกองทุน LTF ที่ไม่จ่ายปันผล กองนี้ได้รับ Rating จาก MorningStar 4 ดาว
กองทุนนี้เน้นคัดเลือกและลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ หรือหุ้นในกลุ่ม SET50 เป็นหลักประมาณ 80% ของพอร์ต และอีกประมาณ 20% จะเลือกลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเพื่อสร้างผลตอบแทนโดยรวมให้เพิ่มขึ้น
ด้านแนวคิดการลงทุน เน้นการเลือกหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 เพราะมองว่าหุ้นขนาดใหญ่เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี บริษัทมีความมั่นคง มีอัตราการเติบโตค่อนข้างดี ชอบหุ้นที่นักวิเคราะห์ยังไม่ออกบทวิเคราะห์ ทำให้ผู้จัดการกองทุนต้องทำงานหนักมากขึ้นในการที่จะต้องค้นหาข้อมูลหุ้นก่อนที่จะลงทุน
ด้วยความที่เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลกที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล มุมมอง ความคิดเห็นจากในหลายๆภูมิภาค ดีกว่ามุมมองจากในประเทศเพียงอย่างเดียว
ในด้านผลตอบแทน ต้องบอกว่าทำได้ไม่น้อยหน้าใคร ผลตอบแทนระยะยาวก็สามารถเอาชนะดัชนี SET Index Total Return ได้ และ ผลตอบแทนจากกองทุนนี้ สามารถทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง ติดกองทุน LTF ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีติดอันดับต้น ๆ (1 ใน 10) ทั้งในระยะเวลา 3 ปี และ 5 ปี
ส่วนเรื่องของค่าธรรมเนียม ก็ถือว่า ไม่ได้แพงเกินไป อยู่ประมาณ 1.51% ต่อปี แต่ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำที่ค่อนข้างจะสูงคือ ซื้อครั้งแรกต้องลงทุนที่ 10,000 บาท จากนั้นจะลงทุนทีละกี่บาทก็ได้
• กองทุนเปิดบรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว (CG-LTF) ของ บลจ.ยูโอบี เป็นกองทุน LTF ที่ไม่จ่ายปันผล กองนี้ได้รับ Rating จาก MorningStar 5 ดาว
เป็น บลจ. ที่มีบริษัทแม่คือ UOB Asset Management ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคาร UOB จากประเทศสิงคโปร์
กองทุนนี้มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management Portfolio หรือ การบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก นโยบายการลงทุนของกองทุนนี้ คือ จะคัดสรรเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีการบริหารกิจการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันของผู้ถือหุ้น โดยจะต้องเป็นบริษัทที่ได้รับ CG Rating จาก สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)
แนวคิดการลงทุน ที่เลือกดูจาก CG Rating เพราะมองว่าการลงทุนในหุ้นคือการเข้าไปเป็นเจ้าของกิจการ ดังนั้นก็ควรดูเรื่องคุณภาพการบริหารงานของบริษัทด้วย
เมื่อผ่านหลักเกณฑ์ในด้านการเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลแล้ว ก็ต้องมาคัดเลือกบริษัทที่มีฐานะการเงินดี มีอัตราการเติบโตที่ดีสม่ำเสมอ ลำพังบริษัทที่มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมออาจจะไม่เพียงพอ
กองทุนนี้มีอัตราการปรับเปลี่ยนสินทรัพย์ หรือซื้อขายสินทรัพย์ในกองทุน (Turnover ratio) ใน 1 ปีค่อนข้างที่จะมากกว่ากองทุนอื่น ๆ แสดงว่า มีการปรับเปลี่ยนหุ้นตามสถานการณ์อยู่พอสมควร หรือเลือกหุ้นที่ดีได้ตลอดเวลา ไม่ใช่สไตล์ Buy and Hold
ในด้านผลตอบแทน กองทุน CG-LTF สามารถทิ้งห่างดัชนี SET Index Total Return เป็นเท่าตัว ผลตอบแทนจากกองทุนนี้ สามารถทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง ติดกองทุน LTF ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีติดอันดับต้นๆ ทั้งในระยะเวลา 3 ปี และ 5 ปี
ส่วนเรื่องของค่าธรรมเนียม อยู่ประมาณ 1.76% ต่อปี ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท ครั้งถัดไปจะลงทุนทีละกี่บาทก็ได้ แต่ปัญหาคือ CG-LTF เก็บ Front End Fee ตั้ง 1% และค่าธรรมเนียมตรงนี้ไม่สามารถเอาไปหักลดหย่อนภาษีได้
• กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว (B-LTF) ของ บลจ.บัวหลวง เป็นกองทุน LTF ที่ไม่จ่ายปันผล การันตีด้วยคุณภาพ Rating จาก MorningStar 5 ดาว
กองทุน B-LTF เป็นกองทุน LTF ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยขนาดของกองทุนใหญ่ถึง 4.6 หมื่นล้านบาท มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management Portfolio หรือ การบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก ไม่ลงทุนล้อ หรือเกาะตามดัชนี SET Index
แนวคิดการลงทุนของกองทุนนี้ ใช้วิธีการคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom Up เน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีความสามารถในการทำกำไร มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว โดยในพอร์ตจะเน้นลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว ผู้จัดการกองทุนมีหลักคิดว่าไม่ได้มองว่าคือการซื้อหุ้น แต่มองว่าคือการซื้อกิจการ ดังนั้นจะมองว่า 3-5 ปีข้างหน้า กิจการที่จะเข้าไปลงทุนมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ไหม
กองทุนเน้นการลงทุนในหุ้นเติบโต (Growth Stock) มากกว่าหุ้นคุณค่า (Value Stock) โดยมองจากศักยภาพในการเติบโตระยะยาวแม้ว่าหุ้นนั้นจะ P/E สูงก็ตาม
กองทุน B-LTF มี Investment Theme ที่ชัดเจน เดิม 3-5 ปีที่ผ่านมา เน้นลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน บริโภคค้าปลีก ส่วนในอนาคตมองว่า Theme ความสะดวกสบาย เทคโนโลยี และพลังงานสะอาดจะเข้ามา ก็จะเน้นลงทุนในหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากความสะดวก เทคโนโลยี และพลังงานสะอาด เช่น ธนาคารที่เป็นรูปแบบออนไลน์ บริษัทที่ใช้ข้อมูล Big Data ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานลม แสงอาทิตย์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า
ด้วยขนาดกองทุนที่ใหญ่กว่า 4.6 หมื่นล้าน ทำให้การเลือกลงทุนในหุ้นจดทะเบียนที่มีขนาดเล็กในสัดส่วนที่มากเกินไป ก็จะติดเงื่อนไขเข้าถือครองในสัดส่วนที่มากเกินเกณฑ์ที่ กลต. กำหนด ทำให้กองทุนต้องมีการกระจายการลงทุนมากขึ้น จากเดิมเลือกลงทุนในหุ้น 25-30 ตัว ก็ต้องเพิ่มกระจายการลงทุนเพิ่มเป็น 40-45 ตัว
ในด้านผลตอบแทน กองทุน B-LTF ถือเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานสม่ำเสมอ ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี ติดอันดับ TOP 5 มาตลอด ระยะยาวก็สามารถเอาชนะดัชนี SET Index Total Return ได้ ผลตอบแทนจากกองทุนนี้ สามารถทำได้ดีอย่างต่อเนื่องทั้งระยะสั้นและระยะยาว
และถ้าดูจากผลตอบแทนของแต่ละปี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า ปีที่ตลาดติดลบ อย่างปี 2008 ปี 2013 หรือปี 2015 กองทุนราคาลงน้อยกว่า SET Index แสดงว่ากองทุนมีการบริหารความเสี่ยงขาลงได้เป็นอย่างดี
ส่วนเรื่องของค่าธรรมเนียม อยู่ประมาณ 1.655% ต่อปี และใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท เท่านั้น
• กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว (1SG-LTF) ของ บลจ.วรรณ เป็นกองทุน LTF ที่ไม่จ่ายปันผล กองนี้ได้รับ Rating จาก MorningStar 4 ดาว
1SG-LTF เป็น Active Management Portfolio มีเป้าหมายคือ ชนะดัชนีชี้วัด (SET Index) ให้ได้ในระยะยาว
แนวคิดการลงทุนของกองทุนนี้ ใช้วิธีการคัดเลือกหุ้นแบบ Top Down ดังนั้นผู้จัดการกองทุนจะคอยปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับสถานการณ์การลงทุนในช่วงเวลานั้นๆ ในด้านการคัดเลือกหุ้น เลือกหุ้นโดยมองที่ Growth หรือ อัตราการเติบโตในอนาคตเป็นสำคัญ เน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว และมีการจ่ายปันผลดี ไม่ว่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ หรือขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงหุ้น IPO
ในด้านผลตอบแทนของกองทุน 1SG-LTF ถึงแม้จะไม่ได้ทำผลตอบแทนสูงจนเป็นที่สนใจของนักลงทุน แต่ถือได้ว่ามีความสม่ำเสมอ และก็ติดกลุ่ม TOP LTF ต่อเนื่อง และในระยะยาวผลตอบแทนจากกองทุนนี้ก็ยังสามารถเอาชนะดัชนี SET Index Total Return ได้
ส่วนเรื่องของค่าธรรมเนียม ถือว่าค่อนข้างแพง คืออยู่ประมาณ 2.31% ต่อปี
หวังว่าทุกๆท่านได้อ่านข้อมูล จะเลือกกองทุน LTF ในดวงใจกันได้แล้วนะครับ
by Bird Teerapat - Wealth Strategist (WCI)