Warning: file_get_contents(http://graph.facebook.com/?id=http://wci.co.th/article/All/106/%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%86-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3-%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%8C): failed to open stream: HTTP request failed! HTTP/1.1 400 Bad Request in /home/wci/domains/wci.co.th/public_html/blog-detail.php on line 78 ลดภาระดอกเบี้ยง่ายๆ ด้วยการทำ "รีไฟแนนซ์" - วางแผนทางการเงิน : Wealth Creation
Blog
ติดตาม Wealth Creation

หนึ่งในวิธีลดภาระดอกเบี้ยเงินผ่อนและช่วยให้เรามีเงินออมเงินมากขึ้นได้ง่ายๆ ก็คือ การ “รีไฟแนนซ์” 

 

การรีไฟแนนซ์ (Refinance) คืออะไร?

 

การรีไฟแนนซ์ (Refinance) ก็คือ การขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน(ธนาคาร) ใหม่เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ที่มีอยู่ในปัจจุบันกับสถาบันการเงิน(ธนาคาร)เดิม ซึ่งสิ่งที่ผู้กู้จะได้รับประโยชน์ที่ดีกว่าจากเงินกู้ก้อนใหม่ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ค่างวดที่ต้องชำระลดลง ฯลฯ

 

เงื่อนไขในการรีไฟแนนซ์ก็เหมือนการกู้เงินปกติ ผู้ให้กู้ (ธนาคาร) จำเป็นต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ก่อน

 

แต่การรีไฟแนนซ์ทุกครั้งก็มีค่าใช้จ่ายตามปกติครับ ดังนั้นการดูแต่เพียงว่าดอกเบี้ย (ธนาคาร) ใหม่ถูกกว่า จึงยังคงไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจ ผู้กู้จะต้องดูด้วยว่าส่วนที่ประหยัดจากดอกเบี้ยที่ลดลงคุ้มกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการรีไฟแนนซ์หรือไม่?

 

แล้ว ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ มีอะไรบ้าง?

หลักๆ ก็จะเป็นค่าธรรมเนียมในการจดจำนองใหม่ 1% ของราคาประเมิน (ไม่เกิน 200,000 บาท)
-ค่าประเมินราคาหลักประกัน
-ค่าธรรมเนียมในการขอสินเชื่อ
-ค่าอากรแสตมป์
ฯลฯ

 

แต่การรีไฟแนนซ์ ไม่ใช่ว่าจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ะครับ ธนาคารมักจะระบุในสัญญาว่า ถ้ามีการรีไฟแนนซ์ก่อนครบกำหนด 3 ปี หรือบางที่ก็ 5 ปี จะมีเงื่อนไขค่าปรับ ดังนั้นหากจะรีไฟแนนซ์ก็ควรรอให้ครบกำหนดก่อนจะดีกว่าครับ

 

นอกเหนือจากทางเลือกในการ Refinance แล้วยังมีอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้กู้ซื้อบ้าน ก็คือ การขอเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับธนาคารเดิมหรือที่เรียกกันว่า “Retention” ซึ่งเป็นทางเลือกที่สะดวกรวดเร็ว และไม่มีค่าใช้จ่าย แต่การทำ Retention มักจะไม่ได้รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยมากเท่ากับการ Refinance ซึ่งก็ทำให้สองวิธีนี้มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป 


ก็ถ้าเปรียบเทียบทางเลือกระหว่างการ Retention กับการ Refinance แล้ว เอาเข้าจริงก็ไม่แตกต่างกันมากครับ เพียงแค่การ Refinance อาจจะยุ่งยากกว่าเล็กน้อย แต่ทั้งนี้อยากให้พิจารณาถึงความต้องการของตัวเราก่อนเป็นอันดับแรก 



เหตุผลที่คนส่วนใหญไม่ได้ทำการรีไฟแนนซ์คืออะไรรู้ไหมครับ? ..ก็เพราะ ไม่รู้! หรือขาดความรู้ที่ถูกต้องทางด้านการเงินนั่นเอง ทั้งที่การประหยัดดอกเบี้ยเท่ากับคุณมีเงินออมมากขึ้น มีเงินเพิ่มมากขึ้นก็สามารถนำไปเก็บออมเพื่อการเกษียณ เพิ่มค่างวดในการผ่อนชำระ หรือเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้มากขึ้น เห็นมั้ยครับว่าชีวิตที่ดีล้วนมาจากการวางแผนจริงๆ


ก็เนี่ยล่ะครับ กับการวางแผนจัดการที่ดีขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย ก็ช่วยทำให้คุณมีเงินเหลือในกระเป๋าเพิ่มขึ้นแล้วล่ะครับ เยี่ยมไปเลย!

credit : Bird Teerapat (Wealth Strategist) - WCI
----------------------------
แบ่งปันความมั่งคั่งอย่างมั่นคงโดย
Wealth Creation
www.wci.co.th/blog.php
www.facebook.com/wealthcreationpage

Pitiphong Roongruengvuthikul
Admin
By